พัฒนาธุรกิจผ่านแพลตฟอร์ม No-Code ใช้ง่าย ไม่ง้อ Dev

พัฒนาธุรกิจผ่านแพลตฟอร์ม No-Code  ใช้ง่าย ไม่ง้อ Dev

ในปัจจุบัน Digital Transformation กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกธุรกิจ แต่ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ในการเขียนโปรแกรมขึ้นมาทั้งในแง่ของเวลา ต้นทุนรวมถึงทรัพยากรบุคคลอย่าง Developer ที่มีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด หากคุณต้องการที่จะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตเร็วขึ้น แต่ต้องการที่จะล่นระยะเวลาให้สั้นลง  “แพลตฟอร์ม No-Code” จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณพัฒนาธุรกิจ พัฒนาซอฟท์แวร์และแอปพลิเคชั่นได้อย่างมืออาชีพ ช่วยลดอุปสรรคที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้ช้าลง 

ทำความรู้จักกับแพลตฟอร์ม No-Code 

แพลตฟอร์ม No- Code คือเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างสิ่งต่างๆ ทั้งพัฒนาระบบ Application ผ่านเว็บไซต์ (Desktop Web) หรือผ่านโทรศัพท์ (Mobile Application) ได้ โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดที่ซับซ้อน ไม่ต้องมีความรู้เรื่อง HTML, CSS หรือภาษาในทาง Backend อย่าง Python, Java หรือความรู้ในฐานข้อมูล ฯลฯ เป็นแพลตฟอร์มที่มักออกแบบให้ใช้งานง่าย เพียงแค่คลิก เลื่อน หรือลากจัดวาง (Drag and Drop) ตามความต้องการ   

โดยบริษัทวิจัยและผู้ให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำของโลก Gartner ได้คาดการณ์ไว้ว่า ร้อยละ 80 ของงานที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมในปี 2024 จะไม่มีการเขียนโค้ดแบบดั้งเดิม (traditional-coding) แสดงให้เห็นว่า แพลตฟอร์ม No-Code จะเข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนของการทำงานเกี่ยวกับซอฟต์แวร์  และจากผลสำรวจโดยบริษัทวิจัย Forrester พบว่าองค์กรธุรกิจที่มีการใช้แพลตฟอร์ม No-code อยู่แล้วนั้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้งานด้วยกระบวนการทางดิจิทัลที่มีความยืดหยุ่นและจะมีการประมวลผลที่รวดเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากกว่างานที่พัฒนาโดยการเขียนโค้ดแบบเดิมๆ 

ทุกวันนี้มีแพลตฟอร์ม No-Code เกิดขึ้นมากมาย อาจจะมีเครื่องมือหลายตัวที่เราใช้งานกันอยู่แต่ไม่รู้มันคือแพลตฟอร์ม No-Code ก็เป็นได้ อย่างเช่น WordPress แพลตฟอร์มสำหรับการสร้างเว็บไซต์ ซึ่งในปัจจุบันเว็บไซต์ที่เราเข้ากันกว่า 40% เป็นเว็บที่สร้างด้วย WordPress ทั้งนั้น หรือ Canva แพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับสร้างงานออกแบบ  ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานที่ไม่มีพื้นฐานหรือไม่ถนัดในการออกแบบ ก็สามารถดีไซน์งานออกมาได้อย่างมีคุณภาพ ในระยะเวลาอันสั้น 

ตัวอย่างแพลตฟอร์ม No-code เครื่องมือในการพัฒนาธุรกิจ

1) แพลตฟอร์ม No-code ในการสร้างเว็บไซต์หรือออกแบบ Landing Page

หากคุณต้องการสร้างเว็บไซต์ให้กับธุรกิจ แต่ไม่มีความรู้ในการเขียนโค้ดสำหรับสร้างเว็บไซต์เลย หรือหากคุณมีความรู้ในการเขียนโค้ด  แต่ก็ไม่ถนัดในการออกแบบเว็บไซต์ให้สวยไปพร้อมๆ กับใช้งานง่าย ตามหลักการของ User Interface (UI) ก็ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้นานอีกต่อไป  เพราะตอนนี้ได้มีแพลตฟอร์ม No-code ที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์หรือหน้า Landing Page สำหรับทำการตลาดได้เองง่ายๆ  หรือเลือก Layout สำเร็จรูปที่ออกแบบมาสวยงาม อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งชุดสี (Color) รูปแบบตัวหนังสือ (Fonts) ให้ตรงตาม Corporate Identity (CI) ของธุรกิจของคุณได้ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถสร้างและออกแบบหน้า Landing page ให้ได้อย่างง่ายดาย  เสมือนเป็นเครื่องมือที่ช่วยทุ่นแรงให้กับ  Developer หรือ Designer ของธุรกิจได้อีกด้วย

  • ตัวอย่างเครื่องมือในการสร้างเว็บไซต์หรือ Landing Page เช่น  Shuffle, Webflow, WordPress, HubSpot 

2) แพลตฟอร์ม No-code ในการสร้าง Marketplace

การสร้าง Marketplace หรือ Community ออนไลน์ที่เป็นพื้นที่พบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกันอย่าง Amazon, eBay, Facebook, Shopee, Lazada และอื่นๆ นั้นซับซ้อนและใช้เวลาพัฒนายาวนาน การใช้แพลตฟอร์ม No-Code อย่าง Bubble ช่วยให้คุณสร้าง logic และจัดการ database ได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งปรับแต่ง (customizable) ได้ตามความต้องการ สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัลได้เกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น  Marketplaces, Dashboards, Social Network รวมถึงระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRMs) 

  • ตัวอย่างเครื่องมือในการสร้าง Marketplace : .bubble

3) แพลตฟอร์ม No-code ในการสร้างฟอร์มยืนยันตัวตนและสมัครลูกค้า (Verification & Onboarding form)

การทำธุรกรรมต่างๆ ในปัจจุบันสามารถทำได้ง่ายขึ้นบนโลกออนไลน์ แต่ความสะดวกสบายนี้ก็มีช่องว่างที่ทำให้เกิดความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ เป็นสาเหตุให้ธุรกิจควรมีการยืนยันตัวตนผู้ใช้บริการก่อน ว่ามีข้อมูลที่ตรงกับที่ผู้ใช้บริการได้กรอกมาในระบบผ่านทางช่องทางต่างๆ หรือไม่  เพื่อป้องกันการโกงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งจริงๆ แล้วการยืนยันตัวตนผู้ใช้บริการ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับหลายธุรกิจ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นธุรกิจขนาดใหญ่เสมอไป และก็มีแพลตฟอร์ม No-Code ในการสร้างฟอร์มยืนยันตัวตนลูกค้า  (Verification form) หรือตรวจสอบปัจจัยความเสี่ยงของลูกค้าได้จบใน Flow เดียว โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด ไม่ว่าจะเป็น 

  • การยืนยันตัวตนผ่านอีเมลล์ (Email Verification)
  • การส่งรหัส otp ยืนยันตัวตนลูกค้าผ่านเบอร์โทรศัพท์ (Mobile Phone Verification) 
  • การสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนลูกค้าและเปรียบเทียบด้วยบัตรประชาชน (Liveness and Biometrics Verification) 
  • การประเมินความน่าเชื่อลูกค้าถือผ่าน Bank Statement (Bank Statement Verification)

Verification form ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยยกระดับการทำธุรกรรมออนไลน์ ลดการฉ้อโกงจากลูกค้าให้กับธุรกิจ

  • ตัวอย่างเครื่องมือในการสร้างฟอร์มยืนยันตัวตนลูกค้า (Verification form) UpPass

4) แพลตฟอร์ม No-code ในการสร้าง Email Marketing Template (EDM)

หลังจากที่คุณได้ลงทะเบียนเข้าเว็บไซต์หรือหลังจากซื้อสินค้าเรียบร้อย คุณมักจะได้อีเมลล์จากเว็บไซต์นั้นๆ มาอยู่อย่างสม่ำเสมอ นั่นก็คือ การทำ Email Marketing หรือการทำการตลาดผ่านอีเมลล์ โดยเป้าหมายหลักอาจไม่ได้มีจุดประสงค์ไว้เพื่อทำการขายโดยตรง  แต่ทำเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของธุรกิจ โฆษณาเปิดตัวสินค้าหรือบริการใหม่  หรือแจ้งโปรโมชันทางการตลาด แต่การทำ Email Marketing ที่มีเทมเพลตที่สวยงามหรือส่งไปหาลูกค้าอัตโนมัติได้นั้น ก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้ Developer ในการเขียน HTML และ CSS เขียนโค้ดอีเมลตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งในตอนนี้ได้มีแพลตฟอร์ม No-Code ที่หลากหลายและช่วยให้คุณสามารถสร้าง Email Marketing Template ได้เองง่ายๆ สวยงามและน่าดึงดูด เพียงลากและวาง และใส่รายชื่อลูกค้าที่ต้องการส่งเมลล์ไป เพียงเท่านี้ธุรกิจของคุณการสามารถส่ง Email Marketing ไปหาลูกค้าได้อย่างอัตโนมัติ อีกทั้งยังมี Report หลังบ้านที่สามารถเช็คได้ว่า Email ที่ส่งไป เกิด Conversion มากน้อยแค่ไหน

  • ตัวอย่างเครื่องมือในการสร้าง Email Marketing : เช่น Mailchimp, Stripo, Bee 

5) แพลตฟอร์ม No-code ในการสร้างระบบชำระเงิน (Payment gateway)

การชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไปแล้ว ทำให้ธุรกิจจึงควรมีระบบรับชำระเงิน (Payment gateway) เป็นของตัวเอง นำเทคโนโลยีที่เป็นตัวกลางด้านการรับชำระเงิน ที่เชื่อมเว็บไซต์ E-commerce ให้เข้ากับระบบชำระเงินรูปแบบต่างๆ เพื่อตรวจสอบธุรกรรมที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต พร้อมเพย์ Internet Banking รวมถึง e-wallet ต่างๆ

อีกทั้งยังช่วยป้องกันการทำทุจริต อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการทำธุรกรรมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งการเชื่อมต่อระบบรับชำระเงินเข้ากับเว็บไซต์ E-commerce เป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัย Developer แต่แพลตฟอร์ม No-Code ก็มีบริการที่ช่วยเชื่อมต่อการชำระเงินและบริการทางธุรกิจ ชำระเงินแบบครบวงจร แบบ end-to-end โดยการ Integrate เพียง 1 ครั้ง

  • ตัวอย่างเครื่องมือในการสร้างระบบชำระเงิน (Payment gateway) : Primer

หากคุณไม่ได้เป็น Developer แต่ต้องการพัฒนาธุรกิจ แพลตฟอร์ม No-Code เปิดกว้างให้คนทุกคนสามารถเป็น Creator ได้ ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เข้ามาช่วยล่นระยะเวลาในการทำงาน และช่วยให้สร้างชิ้นงานได้เร็วขึ้น จากเดิมเราอาจจะต้องสร้างสิ่งนั้นๆ เป็นเวลา 1 เดือน หรือ 1 ไตรมาส แต่เมื่อธุรกิจนำเครื่องมือหรือแพลตฟอร์ม No-Code เหล่านี้มาปรับใช้ ก็ช่วยให้ล่นระยะเวลาในการทำงานสั้นลงหรืออาจทำเสร็จได้ภายใน 1 สัปดาห์ก็เป็นได้  เพราะในระบบหลังบ้านของแพลตฟอร์ม No-code จะมีการ Generate Code หรือสร้างโค้ดมาให้กับคุณ โดยคุณสามารถ Export Code เหล่านี้ ไปเชื่อมต่อกับ Server ต่างๆ เพื่อสร้างเป็นตัวเว็บไซต์ แอปพลิเคชันหรือสร้างฟอร์มต่างๆ ขึ้นมาได้อย่างอัตโนมัติ

หากคุณสนใจ UpPass สามารถ ทดลองใช้ฟรี หรือ ขอชม demo ได้แล้ววันนี้